การเกษียณนั้น จริงๆ แล้วมันทำให้หลายสิ่งเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งความคิดก็อาจจะเปลี่ยนไป จากช่วงวัยทำงาน เช่น ตอนนั้นบางทีคุณอาจจะอยากอยู่คอนโดในเมืองเพื่อที่จะสามารถเดินทางไปทำงานได้อย่างสะดวกและประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางลง แต่พอเมื่อคุณเกษียณคุณอาจจะอยากย้ายบ้านไปที่ต่างจังหวัด อยู่ในชนบทที่เงียบสงบและห่างไกลเหมาะแก่การเกษียณมากขึ้น และสิ่งที่จะตามมาหลังจากย้ายบ้านก็คือ การเจอเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ สถานที่ใหม่ และจะมีสิ่งที่คาดไม่ถึงอีกอย่างที่อาจจะสามารถเกิดขึ้นก็คือ การหย่าร้างหลังเกษียณกับคู่สมรส ซึ่งนั่นจะทำให้คุณต้องมองหาและพัฒนาความสัมพันธ์ใหม่อีกครั้ง จะเห็นว่าการเกษียณยังไม่ใช่จุดจบของการเดินทางแต่เป็นการเริ่มต้นของการเดินทางเส้นใหม่
2. เตรียมตัวเตรียมใจกับเรื่องที่คาดไม่ถึง
นอกจากการเปลี่ยนแปลงตามปกติของชีวิตแล้ว มันจะมีบางอย่างที่คุณควรเตรียมรับมือในทั้งทางปฎิบัติและทางจิตใจ เช่น การเกิดอุบัติเหตุ ค่าใช้จ่ายในการเสื่อมโทรมต่างๆ ไม่ว่าจะ บ้าน หรือรถ ที่พูดมาข้างต้นนี้คือทางปฏิบัติ และอีกกรณีคือ การรับมือทางจิตใจสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น เพื่อนสนิทหรือคู่สมรส ของคุณได้จากไปอย่างกระทันหันจากอุบัติเหตุ หรือจากไปตามช่วงเวลาจากอายุที่มากขึ้นก็ตาม นั่นแสดงให้เห็นถึงการที่ไม่มีใครสามารถเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้นเตรียมใจและหาวิธีรับมือสิ่งเหล่านั้นไว้ล่วงหน้า
3. คุณจะพัฒนาเอกลักษณ์และตัวตนใหม่ๆ ของตนเอง
หลายคนมักถูกเรียกจากภาพลักษณ์หรือภาพจำจากงานหรือสิ่งที่ทำ เช่น ถ้าเป็นหมอ จะถูกเรียกว่า ลุงหมอ หรือ หมอแล้วตามด้วยชื่อ หรือถ้าเป็นแร็ปเปอร์แล้วชื่อเอก ก็จะถูกเรียกว่า แร็ปเอก บางคนก็จะชินไปเลยกับการถูกเติมคำนำหน้าชื่อจากสิ่งที่ทำ แต่ถ้าเราเกษียณไปสักระยะหนึ่ง ผู้คนจะสนใจในสิ่งที่คุณทำมาในอดีตน้อยลง แต่จะสนใจสิ่งที่คุณกำลังทำหรือกำลังเป็นในปัจจุบันมากขึ้น เช่น ถ้าเกษียณแล้วชอบท่องเที่ยวรอบโลก คนอื่นก็จะบอกว่าคุณคือนักเดินทางหรือลุงเอกนักเที่ยว หรือถ้าคุณจะทุ่มเทเวลาที่เหลือเพื่อช่วยเหลือคนอื่น พวกเขาเหล่านั้นก็จะคิดว่าคุณเป็น คนดีหรือใจบุญ ดังนั้นถึงแม้คุณจะเกษียณไปแล้วคุณก็จะยังมีตัวตนใหม่ๆ มากขึ้น
4. เงินสำคัญแต่ไม่ใช่ทุกสิ่งอีกต่อไป
ข้อนี้สำคัญมากหลายคนมักจะตั้งหน้าตั้งตาวางแผนเกษียณอย่างแข็งขันก่อนหน้านี้ อดออม การมุ่งมันที่จะหาเงิน จนลืมไปว่าแท้จริงแล้วยังมีสิ่งที่สำคัญมากกว่าเงินอยู่อีก ซึ่งการตั้งหน้าตั้งตาบริหารและวางแผนเพื่อการเกษียณมันก็ดี แต่พอถ้าคุณอยู่ในวัยเกษียณแล้ว คุณจะเริ่มมีความคิดที่ว่าจะทำอย่างไรให้สามารถใช้ชีวิตให้คุ้มค่ามากที่สุดจากเวลาที่เหลืออยู่ จะไปเที่ยวที่ไหน ทำกิจกรรมอะไรดี มุ่งมั่นที่จะทำสิ่งที่ไม่เคยทำเพื่อสร้างความทรงจำและประสบการณ์ให้กับตนเอง และความสุขจะมาจากสิ่งเรียบง่ายมากขึ้น อย่างเช่น การเฝ้ารอวันที่หลานๆ จะมาเยี่ยม แค่ได้เห็นพวกเขาก็ดีใจกว่าลูกๆ ให้เงินเป็นพันเป็นหมื่นแล้ว
5. รักษาและสร้างเสริมความสัมพันธ์กับเวลาที่ยังมี
สิ่งที่น่าเศร้าและน่าเสียใจที่สุดของวัยเกษียณนั้นหลายคนคงจะพอทราบอยู่แล้วจากการอ่านข้อแรก และทำใจเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า อย่าง การสูญเสียคนรักไม่ว่าจะเป็น คู่สมรสหรือเพื่อนสนิท แต่พอถึงเวลานั้นขึ้นมาจริงๆ ก็อดรู้สึกหดหู่และเสียใจไม่ได้ ดังนั้นในวันและเวลาที่เหลืออยู่คุณควรจะใช้เวลาร่วมกับพวกเขาเหล่านั้นให้ได้มากที่สุด เก็บความทรงจำและเรื่องราวต่างๆ ไว้ พยายามหาสิ่งที่พิเศษให้กับคู่สมรสของคุณหรือกับลูกๆ คุณ อีกทั้งควรที่จะหยิบโทรศัพท์โทรไปหาเพื่อนเก่าบ่อยๆ หรือจะหาเพื่อนใหม่ ทำความรู้จักกับเพื่อนบ้าน เป็นต้น
6. ผ่านวันนั้นนาน แต่ผ่านปีนั้นเร็วการเกษียณถือว่าเป็นของขวัญล้ำค่าที่จะทำให้คุณมีเวลาให้ใช้มากมาย ถึงแม้ว่าคุณจะมีเวลามากมายแค่ไหน แต่ถ้าคุณไม่มีเป้าหมาย วันๆ หนึ่งคุณจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการ ดูโทรทัศน์ ยูทูป ช็อบปิ้งออนไลน์ หรือทำงานบ้านไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีเป้าหมาย กลับกันบางคนพวกเขาจะรู้สึกว่าการใช้ชีวิตเกษียณอย่างคุ้มค่าก็ต่อเมื่อพวกเขาเหล่านั้นได้บรรลุเป้าหมายสำคัญที่ตั้งไว้อย่างหนึ่งอย่างใดจนสำเร็จลุล่วง โดยพวกเขาจะลิสต์สิ่งที่ต้องทำไว้ตั้งแต่ต้นปีเลยว่าปีนี้จะทำอะไรบ้าง เช่น อยากฝึกภาษาเพิ่มเติม เริ่มต้นธุรกิจใหม่ หรือการบริจาคให้องค์กรการกุศล และเมื่อถึงตอนสิ้นปีพวกเขาก็หยิบสมุดหรือโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วขีดฆ่าสิ่งที่ทำสำเร็จจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ นี่เป็นวิธีที่สามารถสร้างประสบการณ์พร้อมกับความทรงจำให้กับตนเอง อีกทั้งจะเป็นการผลักดันให้เราทำตามเป้าหมายอย่างเคร่งครัดอีกด้วย
You must be logged in to post a comment.