หุ้นกลุ่มไหนถูกแรงกดดันจากปัญหา Supply Shortage มากที่สุด



ปัญหาการขาดแคลนพลังงาน
บทสรุป
หุ้นหรือบริษัทที่สร้างผลกำไรที่ต่อเนื่อง และยังมีความจำเป็นต่อระบบนิเวศของห่วงโซ่อุปทานนั้น แม้ว่าต้นทุนอาจสูงขึ้น และมีการเปลี่ยนแปลงภายใน แต่เมื่อความต้องการของผู้คนยังอยู่ ส่งผลให้กลุ่มเหล่านี้จึงยังมีโอกาสไปต่อได้
ในจีน และยุโรป รวมถึงการล็อกดาวน์จาก โควิด-19 ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานเกิดความตึงตัวเป็นอย่างมาก ในขณะที่ปัจจุบันห่วงโซ่อุปทาน ยังคงเปราะบางเนื่องจากปัญหาการกลายพันธุ์ของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในช่วงที่ผ่านมา
ถึงอย่างกระนั้นมอร์แกนสแตรลีย์บอกว่าการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานส่วนใหญ่กำลังจะคลี่คลายลงแล้ว ซึ่งจะได้รับการแก้ไขอย่างเต็มที่ในปี 2022 โดยคำสั่งซื้อสินค้า และ การจัดหาผลิตภัณฑ์ได้เพิ่มขึ้น แสดงถึงการผ่อนคลายในระยะสั้น โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ต้นทุนด้านโลจิสติกส์จะยังคงสูงขึ้นเรื่อย ๆ และอาจจะยาวนานจนถึงปลายปี 2022 ในส่วนของการจำกัดการเดินทางมีแนวโน้มว่า อาจจะยังไม่ได้รับการผ่อนคลายสำหรับการเดินทางข้ามทวีป
โดยในส่วนของบริษัทที่เป็นศูนย์กลางของอุปทานเหล่านี้ ยังสามารถผ่านความท้าทายในวิกฤตที่เข้ามา สามารถทำกำไรได้อย่างแข่งแกร่ง และมีประสิทธิภาพสูงกว่าดัชนีหุ้นทั่วโลก
ทางด้านบริษัทที่ถูกแรงกดดันจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่รุนแรง โดยส่วนหนึ่งมาจากการต้องพึ่งพาแรงงานอย่างต่อเนื่องแม้จะมีระบบอัตโนมัติหรือการลงทุนเพิ่มของบริษัทก็ตาม แต่หากรวมปัจจัยอื่น ๆ เข้าไปเช่น การที่ตลาดต้องพึ่งพาภายใต้การค้าขาย ส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ยังคงมีความสำคัญต่อห่วงโซ่อุปทาน แม้อาจต้องเจอกับปัญหาด้านแรงงานจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ที่มีผลกระทบมาจากวิกฤต Covid-19 เช่น บริษัทขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ และ บริษัทเซมิคอนดักเตอร์
Pingback: #4 Weekly Update [23 Dec 2021] - LIEF Capital Asset Management