ทำไมถึงยังไม่ควรเพิ่มสัดส่วนของตราสารหนี้ขึ้น ?


สินทรัพย์ทางเลือกมีประโยชน์กับนักลงทุนจริงหรอ ?

📌 ยังมองว่า

พันธบัตรรัฐบาลของตลาดพัฒนาแล้ว (DM) เป็นตัวกระจายพอร์ตโฟลิโอที่ไม่มีประสิทธิภาพ และสนับสนุนพันธบัตรที่เชื่อมโยงกับเงินเฟ้อในสภาพแวดล้อมที่เงินเฟ้อสูงเช่นนี้

📌 ราคาพลังงานนั้นพุ่งขึ้นจากความกังวลของอุปทานที่เพิ่มขึ้น โดยหุ้นยุโรปนั้นได้รับผลกระทบหนัก และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ลดลงจากการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง

📌 ธนาคารกลางยุโรปมีความจำเป็นในการประเมินว่าราคาพลังงานที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไร เพื่อทำให้นโยบายเป็นปกติและเหมาะสม

📌 พันธบัตรรัฐบาลของตลาด DM ที่ให้ผลตอบแทนน้อยมีความน่าสนใจลดลง เนื่องจากปัจจุบันเงินเฟ้อขับเคลื่อนด้วยอุปทาน ซึ่งทำให้การกระจายความเสี่ยงในพันธบัตรรัฐบาลจีน (CGBs) หรือพันธบัตรที่เชื่อมโยงกับเงินเฟ้อนั้นน่าสนใจมากกว่า

📌 พันธบัตรรัฐบาล

ได้ช่วยปกป้องพอร์ตการลงทุนจากการขาดทุนของหุ้นบางส่วน แต่เราเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อที่มาจากอุปทานนั้นสูงขึ้น โดยหากดูจากแผนภูมิแสดงผลตอบแทนเฉลี่ยรายวัน ในพันธบัตร อายุ 10 ปีของสหรัฐฯ แล้วนั้นจะเห็นว่าในวันที่ดัชนี MSCI World ของหุ้น DM ร่วงลง พันธบัตรระหว่างปี 2000-2020 และ 14 เดือนที่ผ่านมา มีความต่างกันอย่างมาก โดยเฉพาะในวันที่หุ้นตกมากกว่า 1.5% จึงมองว่าหลักทรัพย์ที่มีการป้องกันเงินเฟ้อ (TIPS) เมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลปกติ นั้นน่าสนใจกว่าจากความสัมพันธ์กับการกำหนดราคาในตลาดของอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากภาวะอุปทานขาดแคลน สงครามในยูเครน และความสัมพันธ์กับหุ้นที่ต่ำกว่าสินทรัพย์อื่น ๆ 

บทสรุป

หุ้นในตลาด DM ยังคงน่าสนใจมากกว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของตลาด DM โดยเรามองว่าควรลดสัดส่วนลง และยังมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ที่สะท้อนมูลค่าของเงินเฟ้อ อย่าง TIPS และตราสารหนี้ของจีนอย่าง CGBs (Chinese government bonds)

** การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจด้วยตนเอง โดยบทความนี้มิใช่สิ่งชี้นำซื้อขายการลงทุนแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงแค่การให้ความรู้และข้อมูลที่ช่วยให้เพิ่มมุมมองในการลงทุนเท่านั้น **

Share On :

Scroll to Top