ตั้งแต่จัดตั้ง กลยุทธ์หุ้นไทย Lief Selective Fund ผลตอบแทนเป็นอย่างไร ?



ในปีที่ภาวะการลงทุนทั่วโลกปั่นป่วน ด้วยปัจจัยความเสี่ยงที่ถาโถมเข้าหานักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ปมสงครามขัดแย้งระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน เงินเฟ้อที่พุ่งสูงเป็นทะลุสถิติในรอบ 40 ปี การปรับลดมาตรการผ่อนคลาย เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก เศรษฐกิจจีนที่แนวโน้มการฟื้นตัวยังเป็นไปอย่างยากลำบาก
แต่ต้องยอมรับว่าท่ามกลางความผันผวนในหลายกลุ่มสินทรัพย์ หุ้นไทย ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดโดยเปรียบเทียบ หรือเรียกว่า ถ้าเจ็บก็เจ็บน้อยที่สุด ด้วยตั้งแต่ต้นปี ดัชนีหุ้น S&P500 สหรัฐ ฯ ปรับตัวลดลงกว่า -21.95% NASDAQ -33.89% แต่ SET Index ปรับตัวลงเพียง -1.40% เท่านั้น
คำถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ก็ต้องยอมรับความจริงกันก่อนว่า ตอนที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวฟื้นขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 ตลาดไทยไม่ได้ฟื้นตามเขาสักเท่าไหร่นัก (ณ จุดสูงสุดของดัชนี S&P500 ฟื้นตัวได้ประมาณ +75% ในขณะที่ดัชนี SET +45%) ประกอบกับในช่วงปี 2565 ความกังวลเกี่ยวกับประเด็นเงินเฟ้อและการขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลกระทบต่อ Valutaion หุ้นกลุ่มเติบโต กลุ่มเทคโนโลยีมากกว่า หุ้นกลุ่ม Value และ Defensive มาก ประเทศไทยเองก็มีสัดส่วนกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์เป็นอันดับต้น ๆ ความผันผวนจึงอยู่ในขอบเขตที่จำกัด
นอกจากปัจจัยในเชิงมหภาค (Top down) ที่สนับสนุนหุ้นไทยเป็นลมใต้ปีก ไม่ให้ลงหนักมากแล้ว การพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของหุ้น (Bottom up) ก็เป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ สำหรับการเลือกลงทุน โดยเฉพาะการวิเคราะห์ งบการเงิน ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งกลยุทธ์ Lief Selective Fund คัดเลือกหุ้นไทยที่มีความโดดเด่นและต่อเนื่องด้านผลการดำเนินงาน พิจารณาย้อนหลัง 8 ไตรมาสเพื่อดูอัตราเร่งของการเปลี่ยนแปลง เพื่อเฟ้นหาบริษัทที่แข็งแกร่ง ทนทาน อยู่รอด เหมาะสมกับการลงทุน
โดยผลตอบแทนจริงตั้งแต่จัดตั้ง 10 มีนาคม - 31 ตุลาคม 2565 (เป็นระยะเวลา 8 เดือน)
“Lief Selective (Balance) +7.20% และ Lief Selective (Growth) +8.10% ในขณะที่ SET Total Return Index -0.47% ถือว่าสูงกว่าเกณฑ์วัดผลการดำเนินงานอยู่พอสมควร”

หมายเหตุ – ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้บ่งชี้ถึงผลตอบแทนในอนาคต / ผลตอบแทนจากการลงทุนจริง สุทธิค่าใช้จ่ายกองทุนทั้งหมดแล้ว / ผลการลงทุนในอนาคตอาจแตกต่าง หรือขาดทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ /การลงทุนมีความเสี่ยงนักลงทุนต้องศึกษารายละเอียดของผลิตภัณฑ์ทั้งในแง่ของความเสี่ยงและผลตอบแทนทุกครั้งก่อนตัดสินใจลงทุน
กลยุทธ์ Lief Selective Fund ลงทุนหุ้นไทย 100% (Fully Invest) ในลักษณะถือลงทุนระยะยาว (Buy & Hold) โดยมีการพิจารณาปรับพอร์ต รายไตรมาส โดยพิจารณาจากข้อมูลงบการเงินที่ประกาศออกมาในระหว่างช่วงปี ผ่านการคัดกรองด้วย Genetic Algorithm เฟ้นหาผู้ชนะอย่างแท้จริง หลังจากนั้นทางฝ่ายจัดการกองทุนจะนำผลลัพธ์ที่ได้ไปพิจารณา วิเคราะห์ปัจจัยเชิงคุณภาพอีกครั้งหนึ่ง เพื่อคัดกรองบริษัทที่มีความเสี่ยงในด้านอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่นการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่ปกติ สภาพคล่อง ข่าวสาร หรือกลุ่มผู้บริหารที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนได้

Lief Selective Fund มีสองกลยุทธ์ คือ Lief Selective Balance เป็นการกระจายเงินลงทุนเท่า ๆ กันในหุ้น 25 ตัวที่ผ่านการคัดเลือกข้างต้นมาแล้ว และ Lief Selective Growth กระจายในหุ้นเพียง 10 ตัวเท่านั้น เรียกว่านักลงทุนสามารถพิจารณาเลือกได้ ตามระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับตนเองได้
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น นักลงทุนอาจลองพิจารณาจากตัวอย่างหลักทรัพย์ที่กลยุทธ์ Lief Selective เลือกลงทุนในอดีต ช่วงไตรมาสที่ 2 คัดเลือกจากข้อมูลงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2565 ดังนี้

หมายเหตุ : ตัวอย่างหลักทรัพย์เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเท่านั้น ปัจจุบันกองทุนอาจมีหรือไม่มีการลงทุนในหลักทรัพย์ดังกล่าว
แน่นอนว่าในพอร์ตการลงทุน จะมีหลักทรัพย์ที่เราเลือกลงทุนและขาดทุนบางส่วน แต่โดยเฉลี่ยรวมแล้ว ด้วยหลักการ Buy and Hold ลดการซื้อขายตามอารมณ์หรือปัจจัยช่วงสั้น ประกอบกับกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ราคาตลาดจะค่อย ๆ สะท้อนความแข็งแกร่งในเชิงพื้นฐานของหุ้นที่ Lief Selective Fund เลือกลงทุนในแต่ละไตรมาส และสามารถสร้างการเติบโตของเงินลงทุนได้ในระยะยาว
“คำถามที่ยังเหลืออยู่หากจะเลือกลงทุนในหุ้นไทย คือ อนาคตและศักยภาพการแข่งขันของเศรษฐกิจไทย จะยังสามารถยืนหยัดต่อสู้บนเวทีโลกได้หรือไม่ ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ ด้านอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วขึ้นทุกที”
เราจึงอยากเชิญชวนท่านมาหาคำตอบร่วมกัน กับงานเสวนา ส่องโอกาสลงทุน “หุ้นไทย ได้ไปต่อ?”
วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2565 เวลา 9:00-12:00 พบกันที่ KX Knowledge Exchange (400 เมตร จาก BTS วงเวียนใหญ่ )
พบกับวิทยากรรับเชิญพิเศษ รศ.ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ, อดีตกรรมการและกรรมการตรวจสอบ ธนาคารแห่งประเทศไทย
ในหัวข้อ : “โอกาสเติบโตของไทย” บนเวทีโลกในยุคดิจิทัล รวมถึงเจาะลึกกลยุทธ์ Lief Selective Fund โดยทีมผู้ร่วมพัฒนาเครื่องมือ คัดเลือกการลงทุน คุณ ธานินทร์ แซมมณี, CEO& CO-Founder, Deepscope สามารถลงทะเบียนได้ที่นี่ : https://bit.ly/3fpftKE
You must be logged in to post a comment.