INSIGHT

Lief capital Asset Management

หุ้นคุณค่าจะสามารถทำได้ดีกว่าหุ้นเติบโตต่อไปหรือไม่ ?

ผลตอบแทนของหุ้นคุณค่า (Value stock) สูงกว่าหุ้นเติบโต (Growth stock) กว่า 23.0% ในปี 2022 ที่ผ่านมา โดยนับเป็นการทำผลตอบแทนได้สูงกว่าเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันหลังจากที่ 7 ใน 8 ปีก่อนหน้านั้น หุ้นเติบโตสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าถึง 128.0% คำถามสำคัญ คือ สถานการณ์ที่หุ้นคุณค่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าหุ้นเติบโตจะสามารถยืนระยะได้หรือไม่

 

หุ้นคุณค่าจะสามารถทำได้ดีกว่าหุ้นเติบโตต่อไปหรือไม่ ?

1 ในวิธีที่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำคือการประเมินมูลค่าเชิงสัมพัทธ์ (Relative valuation) ระหว่างหุ้นคุณค่าและหุ้นเติบโตนับตั้งแต่ปี 1975 จะพบว่าหุ้นคุณค่ามักถูกกว่าหุ้นเติบโตที่ค่าเฉลี่ยราว 42.0% เมื่อสังเกตจากอดีตจะพบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นคุณค่ากับและหุ้นเติบโตมักวิ่งกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ยระหว่างกัน

จะดีไหมหากถือหุ้นคุณค่าในช่วงก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจถดถอย ?

ช่วงเศรษฐกิจถดถอยมักกระทบกับบริษัทที่เป็นกลุ่มวัฏจักรจากความผันผวนของรายได้ ขณะเดียวกันหลาย ๆ บริษัทที่เป็นกลุ่มวัฏจักรนั้นเป็นกลุ่มหุ้นคุณค่า

 

โดยปกติแล้วตลาดหุ้นจะปรับตัวลงก่อนที่คาดการณ์รายได้จะถูกปรับลง ฉะนั้นจึงควรเข้าซื้อก่อนที่คาดการณ์จะออก เนื่องจากราคาอาจรับรู้ถึงสถานการณ์ในอนาคตที่จะเกิดขึ้นแล้ว และอาจทำให้พลาดโอกาสลงทุนได้

 

สมมติฐานที่ว่า หุ้นคุณค่าจะสร้างผลตอบแทนได้ไม่ดีนั้นอาจเกิดขึ้นจากความคุ้นเคยในช่วงที่ผ่านมาที่มาตรการทางการเงินนั้นเป็นแบบผ่อนคลาย (ดอกเบี้ยต่ำและสภาพคล่องสูง) แต่หากมองไปที่ระยะยาวไม่ว่าจะเป็นช่วงก่อนเกิดวิกฤตการเงิน (2008) , วิกฤต Dot-Com หรือช่วงปี 1970 และช่วงที่อัตราเงินเฟ้อสูงจะพบว่าหุ้นเติบโตนั้นทำได้ดี

จะดีไหมหากถือหุ้นคุณค่าในช่วงก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจถดถอย ?

ช่วงเศรษฐกิจถดถอยมักกระทบกับบริษัทที่เป็นกลุ่มวัฏจักรจากความผันผวนของรายได้ ขณะเดียวกันหลาย ๆ บริษัทที่เป็นกลุ่มวัฏจักรนั้นเป็นกลุ่มหุ้นคุณค่า โดยปกติแล้วตลาดหุ้นจะปรับตัวลงก่อนที่คาดการณ์รายได้จะถูกปรับลง ฉะนั้นจึงควรเข้าซื้อก่อนที่คาดการณ์จะออก เนื่องจากราคาอาจรับรู้ถึงสถานการณ์ในอนาคตที่จะเกิดขึ้นแล้ว และอาจทำให้พลาดโอกาสลงทุนได้

 

สมมติฐานที่ว่า หุ้นคุณค่าจะสร้างผลตอบแทนได้ไม่ดีนั้นอาจเกิดขึ้นจากความคุ้นเคยในช่วงที่ผ่านมาที่มาตรการทางการเงินนั้นเป็นแบบผ่อนคลาย (ดอกเบี้ยต่ำและสภาพคล่องสูง) แต่หากมองไปที่ระยะยาวไม่ว่าจะเป็นช่วงก่อนเกิดวิกฤตการเงิน (2008) , วิกฤต Dot-Com หรือช่วงปี 1970 และช่วงที่อัตราเงินเฟ้อสูงจะพบว่าหุ้นเติบโตนั้นทำได้ดี

 

การลงทุนในหุ้นคุณค่าเป็นการเดิมพันบนอุตสาหกรรมการเงินและน้ำมันหรือไม่ ?

ความเป็นจริง คือ ภาคการเงินและน้ำมันเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้หุ้นคุณค่าทำได้ดีกว่าในปี 2022 แต่หากดูที่รายละเอียดจะพบว่า กว่า 23.0% ที่หุ้นคุณค่าเอาชนะหุ้นเติบโตได้นั้นมาจากภาคการเงินและภาคน้ำมันเพียง 3.9% และ 3.5% ตามลำดับเท่านั้น โดยอีก 16.0% นั้นมาจากอุตสาหกรรมอื่น ๆ ยกเว้นอสังหาริมทรัพย์ โดยภาคส่วนที่ดีที่สุด คือ กลุ่มเทคโนโลยี รองลงมา คือ กลุ่มบริการสื่อสารและสินค้าอุปโภคบริโภค

 

ณ ปัจจุบันมีโอกาสมากมายในตลาดหุ้นสำหรับกลุ่มหุ้นคุณค่าที่นอกเหนือไปจากกลุ่มธนาคารและพลังงาน โดยกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่ราคาปรับลงค่อนข้างมาก ธุรกิจหน่วยความจำ กลุ่มบริการสื่อสาร หรือธุรกิจรับสร้างบ้านในสหราชอาณาจักรต่างมีมูลค่าที่น่าสนใจ

 

 

โดยสรุป : การประเมินมูลค่าหุ้นคุณค่าในปัจจุบันตามข้อมูลในอดีตสะท้อนให้เห็นว่าอยู่ในระดับที่มีความน่าสนใจ การถือครองหุ้นคุณค่าผ่านช่วงที่เสี่ยงเกิดเศรษฐกิจถดถอยเป็นไอเดียที่ไม่ได้แย่อย่างที่คิด อีกทั้งยังมีโอกาสมากมายในการลงทุนในบริษัทที่ประเมินแล้วว่าถูกกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น

 

 

ข้อมูลอ้างอิง : https://www.schroders.com/en/hk/retirement/insights/managers-views/values-resurgence-flash-in-the-pan-or-here-to-stay/

*บทความสรุปเนื้อหาเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน หรือคำเสนอสินค้าและบริการทางการเงินการลงทุน นักลงทุนต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

Scroll to Top