Franklin Templeton l Mid Year Outlook 2023 EP.13

MID YEAR OUTLOOK

Lief capital Asset Management

สรุป Mid-Year Outlook จาก Franklin Templeton

Time To Engage More Fully

Franklin Templeton มองว่า

ในครึ่งปีหลัง 2023 ของทั้งตลาดหุ้นและตราสารหนี้จะเป็นปีที่ดีของทั้ง 2 สินทรัพย์ โดยมีมุมมองจาก 

  1. Earning ของบริษัทจดทะเบียนได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หรือก็คือมองไปข้างหน้า Earning ของบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสเติบมากกว่าการถดถอย 

  2. ตลาดได้รับรู้และสะท้อนในเรื่องของ Recession และ Earning ถดถอยไปก่อนหน้านี้แล้วการ Panic มีโอกาสเกิดขึ้นน้อย 

  3. โอกาสเกิด Recession ที่น้อยลงทุกๆ วัน จากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง เงินเฟ้อที่ลดลงอย่างรวดเร็วทำให้การบริโภคเพิ่มขึ้นจะเป็นผลดีต่อตลาดทุนเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยงเลยโดยความเสี่ยงที่ Franklin ให้เผ้าระวังคือการเมืองระหว่างประเทศสหรัฐฯและจีน รวมถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ รวมถึการเกิด Recession ในระดับที่รุนแรงกว่าที่คาดก็อาจจะทำให้ตลาดตกใจ(Panic) ได้

โอกาสในการลงทุน

  1. Investment Grade Bond,High Quality – Short Duration Bond – จากระดับ Yield ในปัจจุบันที่น่าสนใจ รวมถึงหากเกิด Recession อย่างรุนแรงก็จะช่วยป้องกันความเสี่ยงให้กับ Port ได้อีกด้วย

  2. หุ้น US มองว่าที่นำให้ตลาดขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี 2023 มีแต่กลุ่ม Tech เท่านั้น ยังคงมี Sector อื่นๆ ที่ยังมี Valuation ที่น่าสนใจและมีโอกาสที่จะ Sector อื่นๆ เริ่มกระจายผลตอบแทนได้ดีขึ้น หาก Recession ไม่เกิดหรือเกิดแบบเพียงเบาๆ 

  3. หุ้น Non-US หลักๆจะเป็นกลุ่ม DM ที่อยู่นอก US (เยอรมัน,ญี่ปุ่น) เนื่องจาก Valuation ที่น่าสนใจกว่า US มากๆ รวมถึง Earning กลุ่มนี้ก็ดีมากขึ้น บริษัทจดทะเบียนก็เริ่มขยายตัวมาเป็นระดับ Global มากขึ้น 

กลุ่มที่ให้ระมัดระวัง คือ ไม่มีมุมมองตรงส่วนนี้เป็นพิเศษ

 

โดยสรุป :

มองว่าโอกาสเกิด Recession เริ่มน้อยลงทุกทีๆ จากเงินเฟ้อที่ลงเร็วและไม่มีสัญญาณการว่างงาน การบริโภคยังคงเติบโตทำให้เป็นผลดีต่อตลาดหุ้นในครึ่งปีหลัง ส่วนความเสี่ยงที่เฝ้าระวังคืออาจจะมีเกิด Recession ในรุนแรงกว่าที่คาด (เงินเฟ้อดีดกลับ, ว่างงานสูงขึ้น) รวมถึงการเมืองระหว่างจีน-สหรัฐฯ และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่วนสินทรัพย์ที่แนะนำจะเป็นกลุ่มตราสารหนี้ High-Quality ส่วนหุ้นนั้นชอบเป็ฯ กลุ่ม DM ทั้ง US และ Non-US 

 

ข้อมูลอ้างอิง : https://www.ftinstitutionalapac.com/articles/2023/gio/mid-year-2023-outlook-time-to-engage-more-fully

*บทความสรุปเนื้อหาเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน หรือคำเสนอสินค้าและบริการทางการเงินการลงทุน นักลงทุนต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

Allianz l Mid Year Outlook 2023 EP.12

MID YEAR OUTLOOK

Lief capital Asset Management

สรุป Mid-Year Outlook จาก Allianz

Entry Points?

Allianz มองว่า

เชื่อว่าครึ่งปีหลัง 2023 จะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจจะไปต่อได้ยาก จากการที่เงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้าหมายอยู่แสดงให้เห็นว่าผลของการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางยังไม่แทรกซึมในเศรษฐกิจมากนัก เชื่อว่ายังมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยได้อีกในครึ่งปีหลังนี้ และ Recession จะเกิดแน่ๆ จากผลกระทบของการขึ้นดอกเบี้ยที่สูงและรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา 

 

ส่วนความเสี่ยงของ Sector Bank และ Sector อื่น ๆ นั้นมองว่ายังมีอยู่ แต่จะไม่ใช่เรื่องที่ FED จะจับตามองเป็นพิเศษแล้ว อย่างไรก็ตาม Allianz ก็มองเห็นโอกาสโดยในช่วงที่ Earning เริ่มถูกปรับประมาณการลง ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวจะเป็นจุดซื้อที่ดีของหุ้น และเช่นกันช่วงเศรษฐกิจชะลอส่วนใหญ่แล้ว ตราสารหนี้ก็มักจะให้ผลตอบแทนที่ดีด้วยเช่นกัน 

 

ส่วนจีนที่ดูเหมือนจะทำได้ดีในช่วง ไตรมาส 1 กลายเป็นว่าขยายตัวได้น้อยกว่าที่คาด ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากการชะลอตัวของการส่งออก ในระยะสั้นเชื่อว่าจีนจะชะลอตามโลก แต่ระยะยาวเชื่อว่าจะโตได้ดีจากมาตรการกระตุ้นอสังหา ฯ และการบริโภค

 

โอกาสในการลงทุน

  • หุ้นกลุ่ม Tech US มองว่า AI จะหนุนให้รายได้เติบโตแม้จะมี Recession

  • หุ้นกลุ่ม EM จากราคาที่จัดว่าอยู่ในแดนถูก และ การกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะเป็นปัจจัยหนุน

  • Short Term Bond จากระดับ  Yield ที่สูงขึ้นมามาก และ ความผันผวนของราคาก็น้อยลงมากๆแล้ว

กลุ่มที่ให้ระมัดระวัง คือ

  • หุ้น Europe ที่ถึงแม้ในต้นปีนี้จะทำได้ดีมากๆ แต่เชื่อว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังไม่จบ ตลาดยังมีโอกาสผันผวนอยู่มาก 

  • กลุ่มโลหะมีค่า ( ทองคำ,ทองแดง ) เชื่อว่าจะยังมี Downside Risk อยู่บ้างยังไม่เหมาะที่จะลงทุน

 

โดยสรุป :

เชื่อว่าโอกาสที่ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจจะเกิด Recession จะมาค่อนข้างแน่ เนื่องจากผลกระทบของการขึ้นดอกเบี้ยที่สูงยังไม่ได้สะท้อนออกมามากนัก แต่ Allianz ก็มองว่าช่วงที่ Recession และ Earning ของบริษัทจดทะเบียนเริ่มชะลอตัวนี่แหละ จะเป็นจุดที่ดีของตลาดหุ้น ส่วนจีนมองว่าระยะสั้นจะชะลอ แต่ระยะยาวจะเติบโตได้ดีจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและเป็นผลดีกับ EM ทั้งกลุ่มด้วย สินทรัพย์ที่ชอบ ชอบเป็นหุ้น Tech US จาก AI หนุน หุ้นกลุ่ม EM เติบโตได้ดีจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ และ Short Term Bond จาก Yield ในระดับที่สูงขึ้น ส่วนที่ไม่ชอบจะเป็น หุ้น EU ที่มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยได้อีก และกลุ่มโลหะมีค่า ที่มองว่ายังมี Downside Risk อยู่

 

ข้อมูลอ้างอิง : https://www.allianzgi.com/en/home/insights/outlook-and-commentary/mid-year-outlook-2023#799b032b-1fbc-4dc1-873d-e5d48fe7255b_2

*บทความสรุปเนื้อหาเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน หรือคำเสนอสินค้าและบริการทางการเงินการลงทุน นักลงทุนต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

Wells Fargo l Mid Year Outlook 2023 EP.11

MID YEAR OUTLOOK

Lief capital Asset Management

สรุป Mid-Year Outlook จาก Wells Fargo

Navigating end-of-cycle Turbulence

Wells Fargo มองว่า

Well Fargo มองว่า เศรษฐกิจทั่วโลกจะชะลอตัว โดยฝั่งสหรัฐฯ นั้นจะชะลอตัวแบบ เบาๆ เท่านั้นส่วนเงินเฟ้อนั้นจะค่อยๆ ลงจากผลกระทบการขึ้นดอกเบี้ยในปี 2022 และ Receesion ที่จะเกิดในปีนี้ก็จะส่งผลให้เงินเฟ้อค่อยลดลงอีกด้วย ในปี 2023 และปี 2024 จะเป็นปีที่ กำไร จะเริ่มเติบโตมากขึ้น จากการเป็นช่วง Recovery

 

ส่วนค่าเงิน US Dollar มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงในปี 2024 ซึ่งเป็นช่วง Recovery จากการที่เงินทุนจะกระจายไปลงทุนในทั่วโลกและออกนอก US มากขึ้น ส่วนทองคำและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ จะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง

 

– เงินเฟ้อสหรัฐฯปี 2023 จะไปจบที่ 2.9 %

– GDP ทั่วโลกโตเพียงแค่ 2.8% ส่วนสหรัฐฯ โตแค่ 1.1%

– ให้เป้าหมาย S&P 500 สิ้นปีไว้ที่ 4,000-4,200 จุดเท่านั้น

โอกาสในการลงทุน

  • กลุ่มUS Large Cap Defensive (Consumer staple,Healthcare และ Material) ป้องกัน Downside ในช่วง Recession

  • Bond ชอบ Investment Grade และ Long Term Government Bond ป้องกันความเสี่ยง Default ในช่วง Recession

  • กลุ่ม Developed Market ไม่รวม US จะได้ประโยชน์จากการที่ USD ที่มีแนวโน้มอ่อนค่า

กลุ่มที่ให้ระมัดระวัง

Consumer Discretionary และ อสังหาฯ จากความเสี่ยง Recession และอัตราดอกเบี้ยที่สูง

 

โดยสรุป :

Wellfargo มองว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะเริ่มชะลอตัว โดยฝั่งสหรัฐฯ จะชะลอตัวแต่จะเป็นการชะลอตัวแบบเบาๆ ส่วนปี 2024 จึงจะเริ่ม Recovery เงินเฟ้อจะค่อยๆ ลดลงในปีนี้ จนเหลือ 2.9% ส่วนการเติบโตมองว่า US จะโตแค่ 1.1% เท่านั้น ส่วนหุ้น US ปีนี้ให้เป้า S&P 500 สิ้นปี 2023 ไว้ที่ 4,000 – 4,200 จุดเท่านั้น

 

ข้อมูลอ้างอิง : https://sites.wf.com/midyear-outlook/?_ga=2.234612958.1303054243.1687848030-159231580.1687848030

*บทความสรุปเนื้อหาเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน หรือคำเสนอสินค้าและบริการทางการเงินการลงทุน นักลงทุนต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

Scroll to Top