ทำไมหุ้นถึงยังน่าลงทุนในขณะที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น

หุ้น

👉 มีความน่าสนใจ ถึงแม้ว่าดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากการเติบโตทั่วโลกที่ยังแข็งแกร่ง และเราเห็นว่าธนาคารกลางยอมรับว่าต้องอยู่กับเงินเฟ้อ
 
👉 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีเมื่ออาทิตย์ก่อน และหุ้นปรับตัวลง ธนาคารกลางยุโรปยืนยันมุมมองของเรา (Blackrock) ว่านโยบายจะค่อย ๆ เข้าสู่ระดับปกติอย่างช้า ๆ
 
👉 ข้อมูลความเชื่อมั่นในอาทิตย์นี้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบของเศรษฐกิจจากสงครามในยูเครน และข้อมูล GDP ของจีนอาจแสดงให้เห็นว่าการปิดเมืองส่งผลต่อการเติบโตได้อย่างไร

ผลตอบแทนพันธบัตร

👉 พุ่งสูงขึ้นจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และการแสดงความเห็นของธนาคารกลาง ซึ่งสิ่งเหล่านี้สร้างปัญหาให้กับหุ้นอย่างมากหากมองจากอดีตแต่เราเชื่อว่าเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมาจากอุปทานซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้น
 
👉 เงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้นสร้างความกังวลให้ตลาดหุ้นโดยเฉพาะหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ต้นทุนที่สูงขึ้นทำให้กระแสเงินสดในอนาคตน่าสนใจน้อยลง แต่เราเชื่อว่าความกลัวเกี่ยวกับการปรับตัวลงของหุ้นในอนาคตสูงไป
 
👉ตลาดกำหนดราคาขึ้นอย่างรวดเร็วสำหรับดอกเบี้ยเป็น 3% ในปีหน้า ตามด้วยการปรับระดับเป็น 2.5% ในเวลาห้าปี (เส้นประสีเขียวในแผนภูมิ) ซึ่งสูงกว่าเดือนที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด (เส้นประสีชมพู) ก่อนที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเริ่มพูดถึงเรื่องเงินเฟ้ออย่างหนัก
 

คำถามคือ

หากนักลงทุนคาดว่า เงินเฟ้อจะยังคงร้อนแรงต่อไปแบบนี้ อีกสักระยะ จะมีทางเลือกการลงทุนใดบ้างที่พอจะเป็นทางเลือกในช่วงภาวะปัจจุบันนี้  ?

หากพิจารณาจากข้อมูลผลตอบแทนกลุ่มสินทรัพย์ กับ อัตราเงินเฟ้อจะพบว่า (แกนนอน ภาพที่ 1 ในคอมเม้น) เราจะพบว่า แต่ละกลุ่มมีลักษณะที่แตกต่างกัน เช่น พันธบัตร ตราสารหนี้ อาจได้รับผลกระทบในด้านลบ เมื่อเงินเฟ้อสูง แต่สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน จะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้

ในอีกด้านหนึ่ง

หากมองว่านักลงทุนมีการจัดพอร์ตกระจายความเสี่ยงอยู่แล้ว (เช่น หุ้น 60% ตราสารหนี้ 40%) การตัดสินใจลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์อาจแหวกแนวไปหน่อย ไม่มีความถนัดมากนัก หรือยังอยากลงทุนหลักทรัพย์ที่มีการเติบโตได้มากหน่อย การเลือกกระจายความเสี่ยงไปยังกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากเติบโตได้ดีในยามเงินเฟ้อสูง ผลตอบแทนไม่ได้น้อยไปกว่าหุ้นเท่าไหร่นัก แถมยังช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตได้ด้วย

แล้วทำไมกลุ่ม Infrastructure ถึงยังจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้ ในยามเงินเฟ้อสูง และน่าจะคาดหวังได้ประมาณเท่าไหร่ ?

บทสรุป

เราเชื่อว่าหุ้นจะยังสามารถเติบโตได้เนื่องจากธนาคารยอมรับที่จะอยู่กับเงินเฟ้อไปอีกระยะเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและการจ้างงาน โดยเชื่อว่าผลตอบแทนระยะยาวอาจปรับตัวสูงขึ้นอีกจากการที่นักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยเงินเฟ้อ ( ชอบหุ้นใน US , Japan ) และชอบ EU แต่น้อยกว่า 2 ประเทศก่อนหน้าเล็กน้อยจากผลกระทบด้านต้นทุนที่เกิดจากสงครามในยูเครนที่อาจส่งผลต่อกำไรของบริษัท และจีนที่มีโอกาสเติบโตแต่อาจชะลอจากมาตรการ Net-Zero Covid ** การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจด้วยตนเอง โดยบทความนี้มิใช่สิ่งชี้นำซื้อขายการลงทุนแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงแค่การให้ความรู้และข้อมูลที่ช่วยให้เพิ่มมุมมองในการลงทุนเท่านั้น **

Share On :

Scroll to Top