Retirement

ถ้าอายุ 55 แล้ว สายไปไหมที่จะวางแผนเกษียณ l Retirement Research

INSIGHT

Lief capital Asset Management

ถ้าอายุ 55 แล้ว สายไปไหมที่จะวางแผนเกษียณ

55 Is It Too Late to Plan for Retirement?

สำหรับหลายๆ ท่านที่อยู่ในช่วงอายุ 50-55 ปีที่ยังไม่ได้เริ่มวางแผนการเกษียณนั้น ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม วันนี้มี 4 Tips เล็กๆ สำหรับทุกๆ ท่านที่เริ่มอยากวางแผนเกษียณ จะเป็นอย่างไรมาดูกันเลย

 
เพิ่มเงินลงทุนให้มากขึ้น
ไม่ว่าท่านจะมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ กองทุนลดหย่อนภาษีที่ซื้อทุกๆปี แนะนำให้เพิ่มจำนวนเงินที่หักมากขึ้น เพื่อสร้างวินัยการออม และรับโอกาสได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้นด้วย
 
ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในสัดส่วนที่มากขึ้น
การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง อาจจะไม่ได้เหมาะกับนักลงทุนทุกท่าน แต่หากท่านกำลังวางแผนเกษียณในวัย 55 นั้น อาจจะจัด Port การลงทุนเป็น 60/40 (หุ้น 60% ตราสารหนี้ 40%) ก็ยังถือว่าเหมาะสม เพื่อให้เงินของท่านเติบโตให้ทันช่วงเกษียณ
 
ขายสินทรัพย์ที่ไม่จำเป็น
ณ ช่วง 55 ปี ที่ทุกท่านนั้นอาจจะมีบ้าน หรือคอนโด มากกว่า 1 ที่ อาจจะพิจารณาในการขายเพื่อถือเงินสด และหากขายทำกำไรได้ก็สามารถต่อยอดไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ทันในช่วงเกษียณเช่นกัน
 
พิจารณาเงื่อนไข
ก่อนการเกษียณนั้น จะต้องพิจารณาถึง แผนที่วางเอาไว้ว่าเหมาะสมกับเงื่อนไขในชีวิตหรือไม่หากแผนที่วางไว้ยังไม่เหมาะสมอาจจะต้องมีการยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น
 
เลื่อนการเกษียณออกไปก่อน หากท่านพิจารณาแล้วว่าเงินที่สะสมหรือลงทุนไว้ยังไม่พอสำหรับการเกษียณ การพิจารณาเลื่อนการเกษียณเพื่อที่จะมีเวลาเพิ่มในการสะสมความมั่งคั่งก็ยังเป็นอีกทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับท่าน
 

จัดการหนี้สินให้เรียบร้อย หนี้สินที่ท่านมีอยู่ก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องพิจารณาเพราะจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ท่านจะต้องจ่ายทุกๆเดือน หากท่านสามารถจัดการหนี้สินได้ก่อนเกษียณก็จะทำให้สามารถสะสความมั่งคั่งไว้ใช้ยามเกษียณอย่างมีความสุขได้เช่นกัน

 

โดยสรุป : หากตอนนี้ท่านอายุ 50-55 ปี ถือว่ายังไม่สายที่จะเริ่มวางแผนเกษียณ หากสามารถเร่งการลงทุนให้เร็วขึ้น ลงทุนให้มากขึ้น และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น รวมถึงจัดการภาระทางการเงินให้เรียบร้อย ท่านก็สามารถเกษียณ ได้อย่างมีความสุขเช่นกัน

 

ข้อมูลอ้างอิง : https://investfortomorrow.com/retirement-planning-2/im-55-is-it-too-late-to-plan-for-retirement-5-reasons-the-answer-is-no/

*บทความสรุปเนื้อหาเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน หรือคำเสนอสินค้าและบริการทางการเงินการลงทุน นักลงทุนต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

มารู้จัก Multi Stage Life Stage ของชีวิตแบบใหม่ และ ธุรกิจที่จะได้ไปต่อคือใคร?

INSIGHT

Lief capital Asset Management

มารู้จัก Multi Stage Life Stage ของชีวิตแบบใหม่ และธุรกิจที่จะได้ไปต่อคือใคร

Welcome to the Multi-Stage Life

ตลอด 100 ปีที่ผ่านมาโลกของเราได้แบ่งช่วงการใช้ชีวิตเป็น 3 ช่วงด้วยกัน

1.วัยเรียน

2.วัยทำงาน

3. วัยเกษียณ

 

จากการคาดการณ์ ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า รายได้ประชากรที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และ Trend ของโลกที่กำลังเปลี่ยนไป นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley คาดว่า โลกในอนาคตนั้น จะมีความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้น คนวัยทำงานจะเปลี่ยนงานและทำงานที่หลากหลายมากขึ้น เริ่มมีการ Career Break คือพักก่อนแล้วจึงเริ่มหางานทำใหม่ การเรียนรู้จะไม่จบที่อายุ 22 เท่านั้น และการเกษียณก็อาจจะไม่ได้เริ่มต้นที่ 65 เช่นกัน พูดง่ายๆ คืออายุจะไม่ใช่ตัวกำหนด Stage Of Life อีกต่อไป จึงได้ Stage Of Life เป็นดังรูป

จากรูปจะเห็นว่ามีการเปลี่ยนสายงานบ่อยขึ้น และจะมี Career Break ก่อนที่จะเปลี่ยนงาน

 

การเปลี่ยนแปลงได้เริ่มขึ้นแล้ว

การเปลี่ยนแปลงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ที่หลายๆ อุตสาหกรรมจะต้องวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคใหม่ เพื่อผลิตสินค้าที่ตอบสนองกลุ่มลูกค้าใหม่ได้มากที่สุด ผลกระทบของสภาพแวดล้อมใหม่ต่อเศรษฐกิจจะมีดังนี้

 

การขยายตัวที่รวดเร็วของ AI,Robotics,Internet of Things และเทคโนโลยีอื่นๆที่ตามมา

 

“ความโปร่งใส” จะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภค จากงานวิจัยพบว่า คน GenZ มักจะหาข้อมูลเชิงลึกของสินค้าชนิดหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าชนิดหนึ่ง

 

Product Cycle ของสินค้าจะสั้นลง เนื่องจากผู้บริโภคแต่ละคนจะมีการรับข้อมูลที่แตกต่างกัน ดังนั้นบริษัทจึงจะต้องพยายามที่สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตลอดเวลา เพื่อตอบสนองผู้บริโภคให้ได้เร็วที่สุด และ หลากหลายกลุ่มที่สุด

 

ผู้บริโภคมองหาคุณค่าก่อนที่จะซื้อสินค้า มากกว่าที่พิจารณา เรื่องราคาและคุณภาพ

 

สำหรับ Brand Luxury ในอนาคต จะต้องมีสินค้าที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองกลุ่ม ลูกค้าที่หลากหลาย เพราะกลุ่ม GenZ และ Alpha นั้นมีแนวโน้ม ที่จะบริโภคมากขึ้นกว่า คนรุ่นก่อนถึง 3 เท่า และสินค้าจะต้องสะท้อนอัตลักษณ์ของผู้ซื้ออย่างชัดเจน

 

ธุรกิจที่ดูแลเกี่ยวกับการตรวจรักษาสุขภาพหรือ GYM จะมีโอกาสมากขึ้นจากการที่กลุ่ม GenZ และ GenY ดูแลสุขภาพกันมากขึ้น เพื่อที่จะมีชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้น

 

โดยสรุป : Multi-Stage Life เป็นรูปแบบการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป มีการเปลี่ยนสายงานมากขึ้น มีการ Break จากการทำงาน และจะไม่ทำงานเพื่อใ้ช้ชีวิตอย่างเดียวเท่านั้น รวมถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ มีพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปจากเดิม เช่นต้องการสร้างอัตลักษณ์ที่สะท้อนตัวตนของตัวเอง มีการใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น และมีการทำ Research อย่างลงลึกก่อนที่จะซื้อสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่ง อีกทั้งยังมีการดูแลสุขภาพที่มากขึ้น โดยTrend Stage of Life แบบใหม่นี้ จะส่งผลกระทบกับผู้คนโดยตรงและกับธุรกิจด้วย จะเห็นได้ว่าธุรกิจที่จะได้ไปต่อนั้น จะเป็นธุรกิจที่ตอบสนอง Life Cycle ของคนรุ่นใหม่เท่านั้นและจะต้องมีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอีกด้วย

 

 

ข้อมูลอ้างอิง : https://www.morganstanley.com/im/en-us/individual-investor/insights/articles/welcome-to-the-multi-stage-life.html

*บทความสรุปเนื้อหาเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน หรือคำเสนอสินค้าและบริการทางการเงินการลงทุน นักลงทุนต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

4 Trends การวางแผนเกษียณสำหรับปี 2023 จาก BlackRock

INSIGHT

Lief capital Asset Management

4 Trends การวางแผนเกษียณสำหรับปี 2023

Four retirement trends for 2023

จากปัญหาเงินเฟ้อ ตลาดทุนที่ผันผวน และสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศในปี 2023 นี้เป็นปีที่ผู้ที่วางแผนการเกษียณหลายๆ ท่านวางแผนได้ค่อนข้างยาก แต่ช้าก่อน ในวิกฤต BlackRock กลับเห็นโอกาส โดย BlackRock ได้นำเสนอ 4 Tips เล็กๆ สำหรับการวางแผนเกษียณ ในโลกยุคใหม่ ดังนี้

1. วางแผนด้วยความยืดหยุ่น
หลังจากที่มี Covid-19 ได้ส่งผลกระทบเชิงโครงสร้าง อีกทั้งยังมีเรื่องสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ และประชากรผู้สูงอายุซ้ำเข้ามาอีกที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวมและความผันผวนในตลาดทุนที่สูงขึ้น BlackRock ให้ความคิดเห็นว่า ปัญหาเหล่านี้จะทำให้ ความสัมพันธ์ระหว่างตราสารหนี้ และ หุ้น จะมีความ Dynamics ต่อกันมากขึ้น ด้วยสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนตอนนี้ BlackRock แนะนำให้นักลงทุนที่วางแผนการเกษียณทุกท่าน เริ่มกลับไป Review แผนเกษียณที่วางไว้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบัน


2. ทบทวนรายได้ในวัยเกษียณ

ผู้วางแผนเกษียณหลายๆท่านต้องการที่จะมีรายได้สม่ำเสมอ Black Rock 2022 ทำการวิจัยพบว่า 87% ของผู้คนวัยทำงานยินดีที่จะลงทุนในสัดส่วนที่จะสามารถมีเงินก้อนได้ในช่วงเกษียณ และในงานวิจัยเดียวกัน ยังพบว่าผู้เกษียณอายุ 71% ต้องการที่จะได้รับรายได้ที่สม่ำเสมอตลอดในช่วงเกษียณ แต่ในช่วงสถานการณ์ที่ตลาดผันผวนแบบนี้อาจจะยากต่อการลงทุนและวางแผน ดังนั้นการสร้างรายได้เพิ่ม เพื่อที่จะทำให้วางแผนการลงทุนเพื่อการเกษียณสอดคล้องและได้ผลจริง ก็เป็นอีกทางเลือกที่ Blackrock แนะนำ

 

3. เพิ่มการเข้าถึงเงินออมเพื่อการเกษียณ
จากการสำรวจของ BlackRock พบว่า คนอเมริกัน 57 ล้านคน ขาดการเข้าถึงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และอีก 46% ใกล้จะเกษียณแล้ว แต่ยังไม่มีเงินเก็บเลย ส่วนหนึ่งของปัญหานี้คือการขาดการเข้าถึงและขาดการตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนเพื่อการเกษียณ ดังนั้นหากวางแผนเกษียณอย่างเนิ่นๆ ก็จะทำให้การเกษียณโดยมีรายได้สม่ำเสมอเหมือนเดิมนั้น เป็นเรื่องง่ายขึ้น


4.เพิ่มความยั่งยืนไปกับการลงทุน Theme ESG
การพิจารณา ถึงปัจจัย ESG (Environment,Social and Governance) เริ่มเป็นที่นิยมโดยเฉพาะคน Gen Z และ Gen Millennial เริ่มมองประเด็น ESG Factor เป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจลงทุนด้วย รวมถึง Asset Management หลายๆ ที่เริ่มมีการใส่คะแนน ESG ของกองทุนตัวเอง เพื่อให้นักลงทุนพิจารณาร่วมพิจารณา การเลือกสินทรัพย์ที่มี ESG Ranking ที่ดี ก็เป็นTrend การลงทุนที่เหมาะสมในตลาดยุคใหม่เช่นกัน

 

 

บทสรุป : ในปี 2023 นี้ เราสามารถเก็บสิ่งที่เกิดขึ้น ในตลอด 3 ปีที่ผ่านมา นำมาเป็นบทเรียน ค้นหาวิธีการแก้ปัญหาใหม่ๆ สำหรับการเกษียณนั้น Trend ทั้ง 4 ที่กำลังจะมานั้น น่าจะเป็น อีกทางเลือกสำหรับผู้ที่วางแผนที่จะเกษียณให้มั่นคงปลอดภัยมากขึ้น

 

 

ข้อมูลอ้างอิง : https://www.blackrock.com/us/individual/insights/retirement/four-retirement-trends-for-2023

*บทความสรุปเนื้อหาเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน หรือคำเสนอสินค้าและบริการทางการเงินการลงทุน นักลงทุนต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

Scroll to Top